ผู้รับ เหมา ตกแต่ง ภายในนั้นมีหลายประเภท ตั้งแต่ฟรีแลนซ์ตัวเล็กๆไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งถ้าใครไม่เคยใช้บริการมาก่อนอาจเป็นสิ่งที่ยากจนต่อการตัดสินใจเพราะไม่รู้จะเลือกผู้รับเหมาแบบไหนดี ดังนั้นจึงต้องเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียให้ละเอียดรอบคอบ จะได้เลือกได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด
ประเภทของผู้ให้บริการรับ เหมา ตกแต่ง ภายใน
ผู้ให้บริการรับ เหมา ตกแต่ง ภายใน ในปัจจุบันนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน แต่ละประเภทจะมีรายละเอียดต่างกัน ข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันดังต่อไปนี้
- บริษัทรับเหมาตกแต่งภายใน เป็นผู้ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบตกแต่งภายใน หาวัสดุสำหรับตกแต่ง หาผู้รับเหมาหรือทีมช่าง ซึ่งอาจเป็นทีมของทางบริษัทเองก็ได้เช่นกัน บริษัทจะประสานงานทุกอย่างโดยที่ผู้จ้างไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ให้ไอเดียที่ต้องการและติดตามงานเป็นระยะเท่านั้น งานที่ได้จากบริษัทแบบนี้มักจะออกมาสวยงามสมบูรณ์แบบ แต่มักต้องแลกมาด้วยราคาที่สูง เพราะบริษัทต้องจ่ายค่าจ้างพนักงานจำนวนมากอีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายจุกจิกอื่นๆด้วย
- ผู้รับเหมาตกแต่งภายใน จะคอยทำหน้าที่ประสานงานระหว่างลูกค้า ผู้รับเหมาก่อสร้างและนักออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งผู้รับเหมาตกแต่งภายในนี้อาจเป็นแค่เอเจนซี่คอยหางานจากลูกค้าหรืออาจเป็นหนึ่งในทีมของผู้รับเหมาก่อสร้างก็ได้ การใช้บริการในรูปแบบนี้มีข้อดีคือประหยัดค่าใช้จ่าย แต่เนื่องจากต้องประสานงานกันจากหลายฝ่ายจึงมีโอกาสที่จะสื่อสารผิดเพี้ยนจนทำให้งานตกแต่งไม่เป็นไปตามต้องการได้
- Interior designer freelance ในบางครั้งขนาดของบริษัทอาจไม่ได้การันตรีถึงคุณภาพของงาน เพราะผู้รับเหมาตกแต่งภายในฟรีแลนซ์ตัวเล็กๆก็ทำงานออกมาได้ดีเช่นเดียวกันหากมีประสบการณ์มากพอ ข้อดีของผู้ให้บริการรูปแบบนี้คือประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุดรวมทั้งยังมีคอนเนคชันกับบริษัทที่ขายวัสดุก่อสร้างตกแต่งภายใน ดังนั้นนอกจากจะประหยัดในส่วนของการจ้างงานแล้ว ยังประหยัดค่าวัสดุอีกด้วย หากใครเจอผู้ให้บริการลักษณะนี้ในราคาตามที่กำหนดไว้ ก็นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน
ในเมืองไทยมีผู้ให้บริการรับ เหมา ตกแต่ง ภายในอยู่เป็นจำนวนมาก มีตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ให้บริการแบบครบวงจร ความแตกต่างหลักๆแล้วจะอยู่ที่ค่าใช้จ่ายและความสะดวกสบายที่ได้รับ ดังนั้นก่อนอื่นสำรวจงบประมาณของตัวเองดูก่อนจากนั้นค่อยค้นหาผู้รับเหมาที่สามารถให้บริการได้ในงบที่กำหนดเอาไว้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเลือกใช้ผู้ให้บริการรูปแบบใด อย่าลืมชี้แจงความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนที่สุด จะช่วยให้การดำเนินการเป็นไปในทิศทางที่กำหนด ลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดได้มากเลยทีเดียว
